การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

ความสำคัญ

          การจัดการห่วงโซ่อุปทานมีความสำคัญต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหลายฝ่าย โดยกลุ่มลูกค้าที่จะได้รับประโยชน์จากการมีสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีความต่อเนื่องในราคาที่เหมาะสม ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรในการดำเนินงานจะได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันผ่านการอบรมและการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การสร้างงานและการกระจายรายได้สู่ชุมชน นอกจากนี้ กลุ่มชุมชนและสังคมยังได้รับประโยชน์จากการจัดการที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในการทำงาน และการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม รวมถึงกลุ่มสื่อที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่โปร่งใสเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านห่วงโซ่อุปทานของ ทอท.

          การจัดการห่วงโซ่อุปทานยังมีความสำคัญต่อ ทอท. ในหลายมิติ ทั้งด้านการดำเนินงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของธุรกิจ ด้านภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นผ่านการดำเนินงานที่โปร่งใสและมีจริยธรรม รวมถึงด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจและชุมชน ผ่านการส่งเสริมการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างมาตรฐานความปลอดภัย และการส่งเสริมการปฏิบัติด้านแรงงานที่เป็นธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน

นโยบาย

          ทอท. ดําเนินการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ2560 แนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 รวมถึงแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของคู่ค้าของ ทอท. และจรรยาบรรณว่าด้วยการจัดหาพัสดุ คู่มือปฏิบัติงานด้านการพัสดุซึ่งถูกบังคับใช้ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ทั้งนี้ ทอท. ยังให้ความสำคัญกับ นโยบาย/แนวปฏิบัติการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ทอท. (AOT Green ICT Management Policy) เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารจัดการพัสดุขององค์กร

          ทั้งนี้ นโยบายและแนวปฏิบัติดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ ทอท. (Board Oversight of ESG Programs Implementation) และกำหนดให้มีการทบทวนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับหลักจรรยาบรรณคู่ค้าและข้อกำหนดด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้อง โดยคู่ค้าที่ไม่สามารถบรรลุข้อกำหนดขั้นต่ำภายในระยะเวลาที่กำหนดจะส่งเสริมศักยภาพคู่ค้าผ่านการฝึกอบรมหรือให้ข้อมูล และ/หรือพิจารณายกเลิกการดำเนินงานตามความเหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ตาม ทอท. ได้จัดให้มีการสนับสนุนคู่ค้าผ่านการฝึกอบรม และให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่คู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียภายในและภายนอกเกี่ยวกับบทบาทของตนในโครงการด้านความยั่งยืนต่าง ๆ

พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560

แนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563

          ทอท. ได้อนุมัติให้มีการดำเนินงานตามแนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ที่เน้นการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ผลิตภายในประเทศ พัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งแนวทางดังกล่าวถือเป็นการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศระดับฐานราก และช่วยเพิ่มอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จรรยาบรรณ ทอท. ว่าด้วยความสัมพันธ์กับคู่ค้าและการจัดหาพัสดุ

          ทอท.คำนึงถึงความเสมอภาคและความซื่อสัตย์ในการดำเนินธุรกิจและผลประโยชน์ร่วมกันกับคู่ค้า โดยคู่ค้าของ ทอท. พึงปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และมีจรรยาบรรณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ทอท.ให้ความสำคัญในการจัดซื้อจัดหา อันเป็นกระบวนการสำคัญเพื่อกำหนดค่าใช้จ่าย และคุณภาพสินค้า และบริการที่ ทอท.จะนำมาใช้ดำเนินกิจการ จึงจำเป็นต้องมีขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ทอท.ยังให้ความสำคัญกับคู่ค้าอันเป็นบุคคลสำคัญในการสนับสนุนและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ตั้งแต่การสรรหาไปจนถึงรายละเอียดในการการดำเนินธุรกิจ ทอท.ต้องปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเสมอภาคบนพื้นฐานของการแข่งขันที่เป็นธรรม และเคารพซึ่งกันและกัน โดยมีหลักการดังนี้

  1.  คำนึงถึงความต้องการ ความคุ้มค่า ราคา และคุณภาพ: การจัดซื้อจัดหาต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการที่ดีที่สุด
  2.  โปร่งใสและไม่มีอคติ: ให้ข้อมูลแก่ผู้ค้าอย่างเท่าเทียม ถูกต้อง และไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ค้า เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม
  3.  หลักวิชาการรองรับ: วิธีการจัดซื้อจัดหาต้องมีความรัดกุมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงการทดลองและทดสอบสินค้าและบริการเท่าที่จะทำได้
  4.  เก็บเอกสารหลักฐาน: ในการติดต่อคู่ค้า ควรเก็บเอกสารหลักฐานการเจรจา การร่างสัญญา การทำสัญญา และการปฏิบัติตามสัญญาไว้เป็นหลักฐาน
  5.  สนับสนุนการปฏิบัติอย่างเสมอภาค: ทอท. สนับสนุนการปฏิบัติอย่างเสมอภาคต่อคู่ค้า ทั้งระหว่างคู่ค้าเองและระหว่างคู่ค้ากับ ทอท.
  6.  ให้เวลาคู่ค้าอย่างพอเพียง: การจัดซื้อจัดจ้างไม่ควรให้ระยะเวลากระชั้นจนเกินไป ควรให้เวลาคู่ค้าในการเตรียมตัวอย่างเพียงพอ
  7.  ข้อสัญญาที่เป็นธรรม: ข้อสัญญาไม่ควรเป็นการเอารัดเอาเปรียบจนเกินไป และควรมีนักกฎหมายเป็นที่ปรึกษาในการทำสัญญา

นโยบาย/แนวปฏิบัติการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ทอท. (AOT Green ICT Management Policy)

     ทอท. ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติงานการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ทอท. (Green ICT Management policy) เพื่อสร้างกระบวนการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นแนวทางการปฏิบัติงานที่ครบถ้วนและเป็นระบบ ประกอบด้วย ลดการใช้พลังงาน และการจัดการทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า และไม่ส่งผลต่อคุณภาพของการให้บริการ โดยให้ความสำคัญกับ 4 องค์ประกอบสำคัญ ดังนี้

  1.  วัฏจักรของอุปกรณ์ (Equipment Lifecycle)
  2.  การใช้ ICT ของผู้ใช้งาน (End User Computing)
  3.  ระบบประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ในองค์กร (Enterprise Computing)
  4.  การนำ ICT มาใช้ในการลดการปล่อยคาร์บอน (ICT as a Low – Carbon Enabler)

แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของคู่ค้า (ESG Supplier Code of Conduct)

          ทอท. กำหนดข้อปฏิบัติที่คู่ค้าของบริษัทต้องปฏิบัติตาม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนใน 3 มิติหลัก ได้แก่ มิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยคู่ค้าต้องลงนามยืนยันความรับผิดชอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ทอท.

มิติเศรษฐกิจ – การกํากับดูแลกิจการที่ดี มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม
  1. การปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรม ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ปฏิบัติตามกฎหมาย และยึดมั่นในจริยธรรมธุรกิจ
  2. การรักษาความลับและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่เป็นความลับของ ทอท. โดยไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย
  3. การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมการดำเนินงานที่ยุติธรรม หลีกเลี่ยงกระทำการอื่นใดซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบของคู่ค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Anti-Competitiveness)
  4. การป้องกันการทุจริต มีมาตรการป้องกันและจัดการกับการทุจริตในทุกรูปแบบ (Anti-Corruption & Conflict Of Interest)
  5. การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความรับผิดชอบและโปร่งใส
  1. ความปลอดภัยและสุขภาพแรงงาน (Occupational Health & Safety) โดยคู่ค้าต้องจัดสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเหมาะสม (Working Conditions)
  2. การเคารพสิทธิมนุษยชน ปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ (Discrimination)
  3. ห้ามใช้แรงงานบังคับหรือแรงงานเด็กหรือแรงงานที่ไม่ได้รับความสมัครใจ (Forced Labor & Child Labor)
  4. เสรีภาพในการรวมตัว และเคารพสิทธิแรงงานในการรวมตัวและเจรจาต่อรอง (Freedom of Association & Collective Bargaining)
  5. การกำหนดเวลาทำงาน (Working Hours) และค่าจ้าง (Wages) อย่างเป็นธรรม และปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับเวลาทำงานและค่าตอบแทน
  6. การป้องกันการล่วงละเมิดในที่ทำงาน ปลอดจากการคุกคามและการละเมิดทุกรูปแบบ (Harassment)
  1. ระบบจัดการสิ่งแวดล้อม
    • คู่ค้าต้องมีระบบจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม
    • การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Consumption & Resource Efficiency)
    • สนับสนุนการลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการผลิต
    • การป้องกันมลพิษ (Pollution Prevention) และการจัดการของเสีย (Waste Management)
    • มีมาตรการจัดการของเสียและป้องกันการปล่อยมลพิษที่มีผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
    • การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) หลีกเลี่ยงการทำลายป่าไม้ (No Deforestation) และระบบนิเวศ และสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Land Conservation)
  2. การปฏิบัติตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม โดยคู่ค้าต้องดำเนินการตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและสากล
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

แนวทางการจัดการ

กระบวนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

          ทอท. บูรณาการข้อกําหนดด้านความยั่งยืน อาทิ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการกำกับดูแล และด้านความเกี่ยวข้องทางธุรกิจในกระบวนการคัดเลือกคู่ค้าใหม่และการประเมินคู่ค้าปัจจุบัน ซึ่งการคัดเลือกคู่ค้าใหม่จะพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความเฉพาะเจาะจงกับแต่ละประเภทสัญญาและประเภทกิจกรรมทางธุรกิจ เช่น การปฏิบัติตามกฎหมายอาชีวอนามัยและกฎหมายแรงงาน การมีมาตรฐานการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยหรือมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ความซื่อสัตย์ไว้วางใจได้ในการปฏิบัติงาน คุณภาพของงาน และความพร้อมของทรัพยากรในการส่งมอบสินค้าและบริการ เป็นต้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. การคัดกรองคู่ค้า (Supplier Screening / Code of Conduct)

          ทอท. คัดกรองคู่ค้าสำคัญโดยพิจารณาความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG) ของคู่ค้าโดยตรงที่มีผลกระทบสูงต่อ ทอท. (Tier-1 Significant Supplier) และของคู่ค้าโดยอ้อมที่มีผลกระทบสูงต่อ ทอท. (Non Tier-1 Significant Supplier) โดยมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงผ่าน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงเฉพาะประเทศ (Country-specific Risk) ความเสี่ยงเฉพาะอุตสาหกรรม (Sector-specific Risk) และความเสี่ยงเฉพาะสินค้า (Commodity-specific Risk) ทั้งนี้ ทอท.ได้มีการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ให้กับคู่ค้าทุกรายได้ศึกษาก่อนลงนามรับทราบและยืนยันปฏิบัติตามก่อนการลงนามในสัญญา

คู่ค้าที่อยู่ในกลุ่ม Tier-1 Significant Supplier และ Non Tier-1 Significant Supplier คือ คู่ค้าที่ส่งมอบสินค้า หรือบริการที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อ ความสามารถในการแข่งขัน ความสำเร็จทางธุรกิจ หรือความอยู่รอดของ ทอท. โดยตรงและโดยอ้อมตามลำดับ โดยพิจารณาจาก 2 เกณฑ์หลัก ได้แก่

1) คู่ค้าที่มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายสูง
งานก่อสร้าง: มูลค่าสัญญาเกิน 1,000 ล้านบาท
งานประเภทอื่น: มูลค่าสัญญาเกิน 30 ล้านบาท

2) คู่ค้าเฉพาะทางที่มีความสำคัญต่อการบริหารจัดการท่าอากาศยาน : เป็นคู่ค้าเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบริหารจัดการท่าอากาศยานโดยตรงที่ส่งมอบสินค้า หรือบริการที่สำคัญต่อธุรกิจ เช่น ผู้ให้บริการภาคพื้น (Ground Handling Service Providers) ผู้รับเหมาก่อสร้างทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยาน (Runway, Taxiway & Apron Construction Contractors) ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่ปรึกษาโครงการก่อสร้าง ผู้รับเหมาบริการรักษาความปลอดภัย คู่ค้าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และคู่ค้าที่ได้รับการประเมินว่าอยู่ในกลุ่มคู่ค้าหลักจะได้รับการจัดลำดับความสำคัญในการติดตาม เพื่อควบคุมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท

          นอกจากนี้ยังมีการปรับใช้การคัดกรองคู่ค้าที่คำนึงถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงในรูปแบบเจาะจง ในประเด็นของความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า ได้แก่

• ความเสี่ยงเฉพาะประเทศ (Country-specific risk) เป็นเกณฑ์ความเสี่ยงที่ เกิดจากความไม่แน่นอนของภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง หรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่คู่ธุรกิจตั้งอยู่

• ความเสี่ยงเฉพาะอุตสาหกรรม (Sector-specific risk) เป็นเกณฑ์ความเสี่ยงเฉพาะภาคส่วนมุ่งเน้นไปที่ข้อกำหนดและมาตรฐานเฉพาะของอุตสาหกรรมที่คู่ค้าดำเนินการ

• ความเสี่ยง์เฉพาะสินค้า (Commodity-specific risk) เป็นเกณฑ์ความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของสินค้าที่คู่ธุรกิจผลิตหรือมีไว้จำหน่าย

ตัวชี้วัดการคัดกรองคู่ค้า จำนวน ร้อยละ (ของจำนวนคู่ค้าทั้งหมด)
คู่ค้าโดยตรงที่มีผลกระทบสูง (Tier-1 Suppliers) 52 6.33
คู่ค้าโดยอ้อมที่มีผลกระทบสูง (Non Tier-1 Suppliers) 0 0
2. การประเมินคู่ค้าหลักและการประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน (Supplier Assessment)

          ทอท. ประเมินความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมทั้งด้านการกำกับดูและ/เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ทั้งในรูปแบบการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง (Desktop Assessment) การลงพื้นที่ตรวจสอบโดยหน่วยงานที่ว่าจ้าง (2nd Party Assessment) และองค์กรอิสระ (3rd Party Assessment) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความตระหนักถึงคู่ค้าที่สําคัญต่อการดําเนินธุรกิจ พร้อมทั้งวิเคราะห์ประเภทและระดับความเสี่ยงของแต่ละกลุ่มคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาถึงระดับความสําคัญและความเร่งด่วนในแต่ละกลุ่มคู่ค้า และกําหนดมาตรการการจัดการและควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ตามมาตรฐานและกฎระเบียบที่ถูกกำหนดไว้ เช่น การประเมินคู่ค้าในกลุ่มงานก่อสร้างของผู้รับเหมาด้วยระบบ ISO 45001: 2018 เป็นต้น ด้วยตารางประเมินความเสี่ยงคู่ค้า (Sellers Risk Matrix) ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การตรวจประเมินขึ้นอยู่กับผลการตรวจประเมินในระดับก่อนหน้า กล่าวคือ หากการประเมินความเสี่ยงในรูปแบบการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้องพบเจอความเสี่ยงสูง ทอท. จะดำเนินการตรวจประเมินในรูปแบบของบุคคลที่ 2 ในลำดับต่อไป

3. การพัฒนาด้านความยั่งยืนในกลุ่มคู่ค้า (Supplier Development)

          ทอท. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าควบคู่ไปกับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดทำโครงการพัฒนาคู่ค้า และจัดให้มีการอบรมสำหรับคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ได้มีการจัดจ้างเพื่อให้การทำงานมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานของ ทอท. ใน 2 รูปแบบ ดังนี้

  1. การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ ประกอบด้วย
    • การฝึกอบรมด้าน
    • การฝึกอบรมเฉพาะทาง (In-depth Technical Support) เช่น การอบรมคู่ค้าด้านความปลอดภัย ผ่านหลักสูตร (มาตรฐานของหลักสูตร / มาตรฐานวิทยากร / มาตรฐานแบบประเมิน) เป็นต้น
  2. การให้คำปรึกษาและแนวทางการพัฒนา ประกอบด้วย
    • การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับบริษัทคู่เทียบ (ESG Benchmarking)
    • การให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงและพัฒนา (Corrective/Improvement Action)

กระบวนการจ่ายเงิน

          ในการดำเนินงานด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ทอท. ได้กำหนดกระบวนการจ่ายเงินให้กับคู่ค้าของ ทอท. เพื่อให้เกิดความความชัดเจนของขั้นตอนภายในที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือถึงการจ่ายเงินตรงเวลาและมีระบบที่ชัดเจนช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างธุรกิจกับคู่ค้า เพิ่มความรวดเร็วที่ช่วยในการประหยัดเวลาและทรัพยากร อีกทั้งยังช่วย ทอท. และคู่ค้าในการการจัดการเงินสดที่ดีขึ้นช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการใช้จ่ายและการจัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใสในการจ่ายเงินจากการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เปิดเผยและเข้าถึงได้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ผลการดำเนินงาน

การประเมินความเสี่ยงคู่ค้า

      ในปี 2567 ทอท. ได้ทบทวนการประเมินความเสี่ยงคู่ค้าของ ทอท. ที่มีการดำเนินงานอยู่ ณ ปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือ Talk walker รวมทั้งหมด 116 ราย (คิดเป็นร้อยละ 14.11 ของจำนวนคู่ค้าทั้งหมด) โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่

  1.  การบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยาน
  2.  บริการสนับสนุนธุรกิจ
  3.  บริการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก
  4.  ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่าย
  5.  ระบบรักษาความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง
  6.  การจัดการสาธารณูปโภค

          พบว่า มีคู่ค้าโดยตรงที่สำคัญในกลุ่มการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยาน จำนวน 6 ราย มีความเสี่ยงสูงด้านสังคม (110 พบความเสี่ยงต่ำ) โดยมีประเด็นความเสี่ยง ได้แก่ การใช้แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด สภาพการทำงาน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และสิทธิชุมชนและชนพื้นเมือง ทั้งนี้ ทอท. อยู่ระหว่างการสื่อสารผลการประเมินความเสี่ยงให้แก่คู่ค้าได้รับทราบและจะหารือร่วมกันเพื่อควบคุมความเสี่ยงที่ปรากฏ

การฝึกอบรมคู่ค้า

          ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาคู่ค้าของ ทอท. ผ่านหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยาน ทอท. ได้จัดให้มีการอบรมผ่านหลักสูตร 3ม. เพื่อการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแนวทางและมาตรฐานของ ทอท. ซึ่งในปี 2567 มีคู่ค้าที่ได้รับการอบรมผ่านรวมทั้งสิ้น 388 (Output) บริษัท ทั้งนี้ การอบรมหลักสูตร 3. ดังกล่าวมีส่วนช่วยให้ LTIFR ของคู่ค้าเป็นศู (Outcome) ในปี 2567