
ความสำคัญ
การบริหารจัดการท่าอากาศยาน การพัฒนาและขยายโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จำเป็นต้องมีการดูแลผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นกิจลักษณะ เพื่อการควบคุมผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบที่ส่งผลต่อผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ให้ความสนใจและมีความคาดหวังต่อการบริหารงานของ ทอท. และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ทอท. ให้ความสำคัญและสามารถแบ่งตามประเด็นสำคัญที่มีความเฉพาะเจาะจงทางด้านการจัดการเสียง คุณภาพอากาศ น้ำและน้ำเสีย ของเสีย และความหลากหลายทางชีวภาพ ประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบในวงกว้างได้หลายรูปแบบ โดย ทอท. ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาตรการและแผนการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อการดำเนินงานที่สอดคล้องกับความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถเพิ่มคุณค่าและตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย และความสอดคล้องตามเกณฑ์การประเมินด้านความยั่งยืนองค์กรทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
นโยบาย
นโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมในท่าอากาศยาน
ทอท. มุ่งมั่นบริหารจัดการท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแนวทางการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี (Environmental Management System : EMS) เพื่อมุ่งสู่การเป็น
ท่าอากาศยานสากลชั้นนำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน “Moving toward International Leading Eco-Airport” ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2567 ทอท. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ทอท. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนการดำเนินงานต่าง ๆ พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานของคณะทำงานทุกหน่วยงานให้สอดคล้องกับนโยบายอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง การดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่ง ของ ทอท. สอดคล้องตามแผนวิสาหกิจของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566 – 2570 ฉบับทบทวน (ประจำปีงบประมาณ 2567) ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 6 มุ่งสู่การเป็นท่าอากาศยานที่เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ที่ 6.1 การพัฒนาความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือกฎหมายหรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามข้อกําหนดของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และส่งเสริมความตระหนักในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้แก่บุคลากรในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างรอบด้าน
นโยบายการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ทอท.
การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศมีความสอดคล้องกับแผนวิสาหกิจของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566 – 2570 ฉบับทบทวน (ประจำปีงบประมาณ 2567) ยุทธศาสตร์ที่ 7 พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการองค์กร กลยุทธ์ 7.2 พัฒนากระบวนการการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมุ่งสู่การเป็น Digital Transformation ซึ่งมีความครอบคลุมการดำเนินการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการบูรณาการีด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีในทุกภาคส่วนของ ทอท. ภายใต้นโยบายบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (AOT Green ICT Management Policy) และแนวทางการปฏิบัติงานการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green ICT Management Guideline) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการดำเนินงานของ ทอท. ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
หมวด ICT เพื่อความยั่งยืน | รายละเอียด |
---|---|
วัฏจักรของอุปกรณ์ (Equipment Lifecycle) | ครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้อ การใช้งาน บำรุงรักษา จนถึงการกำจัดอย่างยั่งยืน |
การใช้ ICT ของผู้ใช้งาน (End User Computing) |
|
ระบบประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Enterprise Computing) | เปลี่ยนการใช้งานเซิร์ฟเวอร์เป็นแบบ Virtualization และ Cloud Computing เพื่อประหยัดพื้นที่และพลังงาน |
ICT เป็นเครื่องมือช่วยลดคาร์บอน (ICT as a Low-Carbon Enabler) | พัฒนาระบบนิเวศดิจิทัล (Digital Ecosystem) เพื่อสนับสนุนบริการดิจิทัล ช่วยลดโลกร้อนและประหยัดพลังงาน |
การจัดหาอุปกรณ์ (Procurement) | จัดซื้ออุปกรณ์ ICT ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ และรองรับการนำกลับมาใช้ใหม่ |
การรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ (Recycle & Reuse) | นำอุปกรณ์เก่ามารีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดของเสีย |
การกำจัด (Disposal) | จัดการอุปกรณ์หมดอายุอย่างถูกต้องตามหลักสิ่งแวดล้อม |
การจัดการสิ่งแวดล้อมของ ICT | จัดการสภาพแวดล้อม ICT ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การบำรุงรักษาและทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ |
โดย ทอท. มีแนวทางการส่งเสริมความยั่งยืนควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านเทคโนโลยีของ ทอท. ดังนี้
- ส่งเสริมการคิดค้นวิธีการหรือการนวัตกรรม เพื่อลดการใช้พลังงานและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้บริการ
- มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรที่นำกลับมาใช้ใหม่และลดมลพิษจากขยะ์อิเล็กทรอนิกส์
- ส่งเสริมให้บุคลากรทุกระดับของ ทอท. ปฏิบัติตามนโยบายการบริหารจัดการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ทอท. (Green ICT Management Policy)
ข้อกำหนดว่าด้วย การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในท่าอากาศยาน
เพื่อการดำเนินงานด้านการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ดีในท่าอากาศยาน ทอท. ไดกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในท่าอากาศยาน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข โรคติดต่อ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรฐานสากลระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดการมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และสิ่งเปรอะเปื้อน โดยครอบคลุมทั้งกลุ่มบุคลากรของ ทอท.และคู่ค้าของ ทอท. ทั้งนี้เพื่อให้การจัดการของเสียเป็นระบบ ป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งไม่พึงประสงค์ ภายในเขตท่าอากาศยาน เช่น แมลงและสัตว์พาหะนำโรค ตลอดจนมีการตรวจกิจกรรมต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดฯ
แนวทางการจัดการ
โครงสร้างและหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม

ทอท. กำหนดให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย แผนงานโครงการสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนงานได้แก่ (1) งานบริหารทั่วไป (2) ส่วนแผนจัดการสิ่งแวดล้อม (3) ส่วนติดตาม ตรวจสอบ และส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และ (4) ส่วนปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม
การดำเนินงานด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม
ทอท. มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย ข้อกำหนด และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการมีส่วนร่วมกับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ทอท. ได้จัดทำกระบวนการรับฟังความคิดเห็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบติดตามด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและตัวแทนชุมชน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ การแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย และกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท
ทอท. ศึกษาและกำหนดแนวทางป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นในทุกกระบวนการขั้นตอนการดำเนินงานของแต่ละท่าอากาศยาน ผ่านกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Environmental Health Impact Assessment : EHIA) ซึ่งทำให้ ทอท. สามารถระบุประเด็นที่น่าห่วงกังวลและกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบได้อย่างเหมาะสม
ท่าอากาศยานที่ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Monitoring report) ซึ่งครอบคลุมทั้งการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ และการสำรวจความคิดเห็นของชุมชนโดยรอบท่าอากาศยาน โดย ทอท. นำเสนอรายงานดังกล่าวต่อสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนดเป็นประจำทุกปี
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญต่อท่าอากาศยาน
การดำเนินธุรกิจท่าอากาศมีความสำคัญโดยตรงต่อผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทอท. จึงให้ความสำคัญต่อการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายในท่าอากาศยาน โดยกำหนดขอบเขตการจัดการในประเด็นสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมผ่านนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงนโยบายและข้อกำหนดอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกฎหมายกำหนด โดยมีแนวปฏิบัติที่หลากหลายที่มุ่งปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ลดมลพิษ และส่งเสริมความสมดุลทางนิเวศวิทยา เป้าหมาย คือ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและความก้าวหน้าโดยสร้างสมดุลระหว่างสภาพแวดล้อมที่ดีและสุขภาพที่ดีของสังคม
ปัจจุบัน ทอท. ดําเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางการดําเนินงานที่สำคัญ 5 ด้าน ดังนี้่

การจัดการด้านเสียง (Noise Management)
ทอท. ได้นําหลักการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงอย่างสมดุล (Noise Balanced Approaches) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) มาปรับใช้ในการดําเนินงานท่าอากาศยาน โดยใช้หลักการของ Balanced Approaches ดังนี้
- การลดเสียงที่อากาศยาน (Reduction of noise at source): สนับสนุนรณรงค์ให้สายการบินใช้อากาศยาน ที่มีการออกแบบ หรือเลือกใช้เครื่องยนต์ที่ปลดปล่อยเสียงในระดับที่ต่ำกว่าปัจจุบัน และกำหนดน้ำหนักบรรทุกของอากาศยานให้เหมาะสม
- การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land-use Planning and Management): สนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แผนพัฒนาท่าอากาศยาน พื้นที่ผลกระทบด้านเสียงให้หน่วยงานด้านการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อนำไปพิจารณากำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่อย่างเหมาะสม
- วิธีปฏิบัติการบินที่ลดเสียง (Noise abatement operational procedures): กำหนดให้สายการบินที่ใช้ท่าอากาศยานปฏิบัติตามวิธีการบินและการขึ้น-ลง ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่ำที่สุด ทั้งนี้ต้องไม่กระทบต่อปัจจัยด้านความปลอดภัย (Safety) รวมทั้งต้องพิจารณาควบคู่กับปัจจัยด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความสามารถรองรับเที่ยวบิน (Capacity) การกำหนดสัดส่วนการใช้ทางวิ่ง (Preferential runway use) ประสิทธิภาพของการบริหารการจราจร (Efficiency) และการเข้าถึงของท่าอากาศยาน (Accessibility)
- ข้อจำกัดในการปฏิบัติการ (Operating restrictions): จำกัดอากาศยานเสียงดัง โดยกำหนดให้อากาศยานที่ทำการบินในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานเชียงใหม่ ต้องมีระดับเสียงไม่เกินที่กำหนดไว้ใน Chapter 3 ของ Annex 16 ของอนุสัญญาว่าด้านการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (อนุสัญญาชิคาโก) ซึ่งประกาศใน Aeronautical Information Circular: AIC เพื่อให้สายการบินต่างๆ ยึดถือปฏิบัติ
นอกจากนี้เพื่อเป็นการติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังผลกระทบด้านเสียงจากอากาศยาน ทอท. ได้มีการตรวจวัดระดับเสียงอากาศยาน ทั้งที่เป็นสถานีถาวรแบบอัตโนมัติ ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และสถานีชั่วคราวแบบตรวจวัดระดับเสียงปีละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7 วันต่อเนื่อง ดังนี้
การจัดการด้านคุณภาพอากาศ (Air Quality Management)
ทอท. ได้มีมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบด้านคุณภาพอากาศมาโดยตลอด ครอบคลุมแหล่งกำเนิดมลพิษจากภาคพื้นและอากาศยาน และมาตรการเพื่อป้องกันและลดผลกระทบ PM2.5 โดยมาตรการป้องกันและแก้ไขมลพิษทางอากาศของ ทอท. ที่สำคัญ ได้แก่
- กําหนดให้อากาศยานดับเครื่องยนต์และควบคุมการใช้ Auxiliary Power Unit: APU ขณะเข้าหลุมจอดหรือเทียบกับ Passenger Loading Bridge โดยให้ใช้อุปกรณ์จ่ายไฟฟ้า และระบบปรับอากาศที่สนับสนุนโดยผ่านระบบสาธารณูปโภคของท่าอากาศยาน
- จัดระเบียบการจราจรภายในท่าอากาศยาน โดยเฉพาะบริเวณอาคารผู้โดยสารและลานจอดรถยนต์ไม่ให้เกิดการติดขัด เพื่อลดการระบายมลสารทางอากาศ
- กำหนดให้มีการตรวจสอบสภาพยานพาหนะและอุปกรณ์ Ground Support Equipment: GSE ให้อยู่ในสภาพดี ไม่ให้มีการปล่อยมลพิษเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
- ส่งเสริมให้มีการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า และรณรงค์ส่งเสริมให้พนักงานและผู้ใช้บริการท่าอากาศยานใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลดการใช้พลังงานและมลพิษจากรถยนต์
- สำหรับท่าอากาศยานที่พื้นที่โดยรอบมีปัญหาการเผาป่าและวัสดุทางการเกษตร ให้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อลดการเผาป่า
ทอท. ได้มีระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศในบรรยากาศ (Air Quality Monitoring) เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังคุณภาพอากาศให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในและภายนอกท่าอากาศยาน ดังนี้
- สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป (สถานีชั่วคราว) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ดำเนินการตรวจวัดปีละ 2 ครั้ง ต่อเนื่อง 7 วัน โดยดัชนีที่ตรวจวัด ได้แก่
- Nitrogen oxide (NOx)
- Carbon monoxide (CO)
- Total Hydrocarbons (THC)
- Total suspended particles (TSP)
- Particulate matter 10 micrometers (PM10)
- Volatile organic compounds (VOCs)
- ทิศทางและความเร็วลม
ซึ่งผลการตรวจวัด พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการเฝ้าระวังระดับมวลสารทางอากาศที่อาจจะกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป (สถานีถาวร) จำนวน 2 สถานี
- ท่าอากาศยานดอนเมือง เตรียมติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป (สถานีถาวร) จำนวน 2 สถานี ในช่วงก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3
การจัดการน้ำและน้ำเสีย (Water and Wastewater Management & Programs)
ทอท. ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำและน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคในการดำเนินงาน พร้อมทั้งป้องกันและควบคุมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศและชุมชนโดยรอบ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ
- การควบคุมปริมาณการใช้น้ำ
- ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง และสำนักงานใหญ่ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การใช้น้ำอย่างประหยัดแก่นักท่องเที่ยวและพนักงาน ทอท. นอกจากนี้ การดำเนินโครงการต่างๆ ของ ทอท. ยังเป็นไปตามแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) โดยมีการวิเคราะห์และศึกษาแนวทางการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในทุกโครงการ (Water Use Assessment To Identify Opportunities For Water Efficiency Improvements) ครอบคลุมทั้งคุณภาพน้ำผิวดิน อุทกวิทยา และการระบายน้ำออกสู่ชุมชน ทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินงานตามหลักวิชาการ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
- การหมุนเวียนน้ำ (Application of Water Recycling)
ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. มีระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางที่สามารถรองรับปริมาณน้ำเสียได้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน พร้อมทั้งควบคุมและตรวจสอบระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง (Water Discharge) ให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูเก็ต มีการบำบัดน้ำเพิ่มเติมหลังผ่านระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
- การควบคุมคุณภาพน้ำ
ทอท. ใช้แหล่งน้ำ (Water Withdrawal) หลักจากการประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำของท่าอากาศยานซึ่งใช้น้ำดิบจากแหล่งน้ำบาดาลและน้ำผิวดิน โดยแต่ละท่าอากาศยานมีกระบวนการควบคุมคุณภาพน้ำที่ผลิตเองให้ได้มาตรฐานน้ำ เพื่อการอุปโภคและบริโภคตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาภายในอาคารผู้โดยสารให้เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขเป็นประจำทุกเดือน สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของ ทอท. มีการบริหารจัดการน้ำโดยบริษัทที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับสากล ISO 14001:2015 ครอบคลุมการบริหารจัดการระบบจ่ายน้ำประปา ระบบระบายน้ำ ระบบรวบรวมน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสีย
- เป้าหมายและตัวชี้วัด
ทอท. ดำเนินการตั้งตัวชี้วัดในการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำหมุนเวียน (Recycle) โดยตั้งเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำ หมุนเวียน (Application Of Water Recycling) ร้อยละ 20 จากปีฐาน (ปี 2567) ภายในปี 2571 ซึ่งมีรายละเอียดตามแผนแม่บทด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ทอท. ปีงบประมาณ 2567 – 2571 ฉบับทบทวน (ประจำปีงบประมาณ 2567)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การจัดการของเสีย (Waste Management)
ปัจจุบันปัญหาขยะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งจากการขาดแคลนพื้นที่ในการกําจัด การเกิดก๊าซเรือนกระจกจากการฝังกลบ และการปนเปื้อนของขยะโดยเฉพาะขยะพลาสติกสู่ระบบนิเวศ ทอท. มีความตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ดําเนินการบริหารจัดการมาโดยตลอด
- ภาพรวมการจัดการขยะในท่าอากาศยาน
ทอท. เก็บรวบรวมข้อมูลขยะมูลฝอยโดยการเตรียมภาชนะในการรองรับขยะมูลฝอยที่เหมาะสมกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ และมีจุดพักขยะที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล ก่อนส่งต่อให้ผู้ให้บริการกำจัดขยะ ทั้งนี้ ท่าอากาศยานกำหนดให้ผู้รับจ้างขนถ่ายขยะต้องเก็บจนขยะมูลฝอยออกจากท่าอากาศยานทุกวัน โดยไม่ให้มีขยะตกค้างภายในท่าอากาศยาน และต้องดูแล ความสะอาดพื้นที่ให้เรียบร้อยทุกครั้งภายหลังการจัดเก็บในแต่ละครั้ง รวมทั้งดูแลความสะอาดเรียบร้อยตลอดเส้นทางที่รถขนขยะมูลฝอยผ่านไม่ให้มีเศษขยะมูลฝอยร่วงหล่นหรือเปียกแฉะบนพื้นถนน สำหรับขยะอันตรายต้องดำเนินการเก็บขนย้าย และกำจัดหรือบำบัดโดยเอกชนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

- ประเภทของขยะแยกตามแหล่งกำเนิด

- ประเภทและวิธีการกำจัดขยะในท่าอากาศยาน

- การกำจัดของเสีย (Waste Disposal)
เนื่องจากท่าอากาศยานเป็นสถานที่มีผู้โดยสารจํานวนมาก ประกอบมีกิจกรรมการอุปโภคบริโภคที่ก่อให้เกิดขยะ และเป็นที่รองรับขยะที่มากับอากาศยาน ทอท. จึงจัดให้มีระบบบริหารจัดการขยะ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การรณรงค์ให้ผู้โดยสารและพนักงานลดอัตราการเกิดขยะ (Reduce Waste Generation) และให้มีการคัดแยกขยะโดยภายในอาคารผู้โดยสารและอาคารสํานักงานจะมีภาชนะตามประเภทของขยะมูลฝอย เช่น ขยะทั่วไป และขยะรีไซเคิล สําหรับขยะอันตราย และขยะติดเชื้อจะแยกจัดเก็บไว้โดยเฉพาะไม่ปะปนกับขยะประเภทอื่น จากนั้นจะรวบรวมไปกําจัดให้ถูกต้องตามกฎหมายและหลักสุขาภิบาลต่อไป ทั้งนี้ ได้จัดเตรียมจุดพักขยะที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลตามประเภทของขยะมูลฝอย เช่น ขยะทั่วไปและขยะรีไซเคิล โดยมีหน่วยงานท้องถิ่นหรือเอกชนรับขนถ่ายขยะมูลฝอยไปกำจัด พร้อมดูแลความสะอาดของพื้นที่และเส้นทางที่รถขนขยะผ่านให้เรียบร้อยภายหลังการจัดเก็บในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ การดำเนินงานของท่าอากาศยานยังมีขยะอันตรายจากการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมัน สารทําละลาย หลอดไฟ และขยะติดเชื้อจากคลินิกแพทย์ภายในท่าอากาศยาน ซึ่งขยะประเภทดังกล่าวจะถูกนําไปกําจัดโดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
- นวัตกรรมในการลดของเสีย (R&D To Minimize Waste)
ทอท. จัดโครงการด้านนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการคิดค้น ออกแบบแนวคิดสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมจากบุคลากรภายในและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นกลไกในการค้นหานวัตกรรมในการลดของเสียสำหรับการบริหารจัดการท่าอากาศยาน โดยมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการ Think Out Loud โครงการประกวดความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม (Involution) ถือเป็นการลงทุนด้านนวัตกรรมหรือการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดของเสีย ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ทอท. ปีงบประมาณ 2567 – 2571 ฉบับทบทวน (ประจำปีงบประมาณ 2567) ที่มีตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของโครงการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายที่จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ภายในปี 2571
การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Resource Efficiency and Circularity)
ทอท. ได้กำหนดนโยบายการบริหารจัดการการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ ทอท. เพื่อสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญต่อการจัดซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิลได้โดยง่าย ทั้งนี้เพื่อลดการกำเนิดขยะตั้งแต่ต้นทาง นโยบายดังกล่าวยังสนับสนุนการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของพนักงาน ทอท. จากระบบแอนะล็อกที่พึ่งพาทรัพยากรจำนวนมากโดยเปลี่ยนการใช้กระดาษมาเป็นระบบดิจิทัลที่ช่วยลดการเกิดของเสียได้มากขึ้น เช่น ระบบ e-Document และยังสนับสนุนการใช้ทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงาน เช่น Virtualization Server และ Cloud Computing นอกจากนี้ ทอท. ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติด้านการปฏิบัติงานการบริการจัดการการคัดเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green ICT Management Guideline) ให้แก่พนักงาน เพื่อการนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยแนวทางดังกล่าวประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
- วัฏจักรของอุปกรณ์ (Equipment Lifecycle)
- การใช้ ICT ของผู้ใช้งาน (End User Computing)
- ระบบประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ในองค์กร (Enterprise Computing)
- การนำ ICT มาใช้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ICT as a Low – Carbon Enabler)
- รายงานการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency)
ทอท. ได้จัดทำรายงานการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) เพื่อศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญจากการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยาน ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์การใช้ทรัพยากร (Resource use) จากห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ขององค์กร โดยแบ่งการดำเนินงานของท่าอากาศยานครอบคลุมการบริการต่างๆ ให้กับผู้โดยสารและสายยการบินทั้งในพื้นที่เขตการบิน (Airside) และพื้นที่นอกเขตการบิน (Landside) และห่วงโซ่คุณค่าที่แสดงกระบวนการสำคัญในการให้บริการแก่ลูกค้า โดยแบ่งเป็นกระบวนการหลัก (Core Processes) และกระบวนการสนับสนุน (Supporting Processes Facilitate Execution Of Core Processes) ซึ่งในแต่ละกระบวนการจะมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน ทอท. ได้กำหนดระดับความสำคัญ ออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ เกี่ยวข้องแบบมีนัยยะสำคัญ (Significant) หากขาดทรัพยากรการดำเนินงานของเเต่ละระบบจะไม่สามารถดำเนินการได้ และเกี่ยวข้องแบบไม่มีนัยยะสำคัญ (Insignificant) การดำเนินงานจะสามารถทำได้ เเต่ระดับการให้บริการจะลดลง โดยการศึกษาครอบคลุมหัวข้อทางสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พลังงาน (ไฟฟ้า) น้ำ ก๊าซเรือนกระจก ขยะมูลฝอย (ที่รวมทั้งขยะไม่อันตรายและขยะอันตราย) ทั้งนี้ ผลการศึกษาจะถูกนำไปบูรณาการเข้ากับการกำหนดแนวทางประหยัดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

หัวข้อทางสิ่งแวดล้อม (Environmental aspect) |
Core Processes | Supporting Processes | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Passenger Arrival | Aircraft Preparation | Baggage Handling | Cargo Handling | Passenger Departure | Planning & Scheduling |
HR | Commercial | Financial | Management | Procurement | IT | |
การใช้ทรัพยากร (resource use) | ||||||||||||
- พลังงาน (ไฟฟ้า) (kWh) | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ |
- น้ำ (m³) | ✓ | ✗ | - | ✗ | ✓ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ |
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (emission release) | ||||||||||||
- ก๊าซเรือนกระจก (tCO₂) | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ |
- ขยะมูลฝอย (kg) | ✓ | ✗ | - | ✗ | ✓ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ |
- น้ำเสีย (m³) | ✓ | ✓ | - | ✗ | ✓ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ | ✗ |
✓ เกี่ยวข้องแบบมีนัยยะสำคัญ (Significant) การดำเนินงานของแต่ละระบบจะไม่สามารถดำเนินการได้
✗ เกี่ยวข้องแบบแต่มิได้นัยยะสำคัญ (Insignificant) การดำเนินงานจะสามารถทำได้ แต่ระดับการให้บริการจะลดลง
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์หาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญจากห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ขององค์กร พบว่า ทรัพยากรหลักที่ถูกนำมาใช้ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องแบบมีนัยสำคัญตรงกันในทุกกระบวนการ คือ พลังงานไฟฟ้า และผลกระทบที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องแบบมีนัยสำคัญตรงกันทุกกระบวนการ คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับ่ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในประเด็นของเสียหรือการเกิดขยะมูลฝอยนั้นเกิดจากกระบวนการหลักในส่วนของการใช้บริการของผู้โดยสารภายในท่าอากาศยาน ทั้งอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ซึ่งเป็นอาคารปิด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
AOT ISO 14001 Water Management
รายงานการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency)
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
ทอท. มุ่งมั่นรักษาความหลากหลายทางชีวภาพทั้งภายในและภายนอกการบริหารงานท่าอากาศยาน โดยการสร้างความตระหนักในเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพตลอดทางระบบห่วงโซ่คุณค่า เพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียและแผนงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของ ทอท. โดยมีการกำหนดกรอบการดำเนินงาน ดังนี้
- ทอท. ประเมินและตรวจวัดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) และด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Risk Assessment) สำหรับพื้นที่ ทั้ง 6 ท่าอากาศยาน เพื่อการรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA Monitoring) เพื่อระบุสาเหตุที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ จากการดำเนินธุรกิจใน 6 ท่าอากาศยาน หลังจากนั้น ทอท. กำหนดแผนงาน เพื่อลดและหลีกเลี่ยงความรุนแรงของผลกระทบ (Reduction & Avoidance)
- ทอท. ได้กําหนดให้มีมาตรการดำเนินการในการป้องกันอันตรายจากนกในท่าอากาศยานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการสูญเสียของสิ่งมีชีวิต เช่น การจัดการแหล่งอาหารที่พักอาศัยและสิ่งดึงดูดนก นอกจากนั้น ทอท. มีมาตรการในการขับไล่นกให้ออกจากพื้นที่ท่าอากาศยานเพื่อไม่ให้นกเกิดความคุ้นเคยกับพื้นที่ด้วยวิธีการที่เหมาะสม และได้รับการพัฒนาขึ้นภายในองค์กรสอดคล้องตามข้อแนะนํา เช่น ขับไล่ด้วยเสียง การใช้รูปสัตว์นักล่า ซึ่งดำเนินการโดยพนักงานของ ทอท. ที่มีความเชี่ยวชาญด้านปักษีวิทยาและยังได้จัดจ้างที่ปรึกษาสำหรับการวิจัยและการประเมินผลการป้องกันอุบัติเหตุทางการบินเนื่องจากนกและสัตว์ ทั้งนี้ ทอท. ได้กำหนดแนวทางการป้องกันอันตรายจากนกและสัตว์ที่เข้ามาในเขตท่าอากาศยาน ดังนี้
- ตรวจประเมินสภาพแวดล้อมและจัดการกับปัจจัยที่ดึงดูดให้นกและสัตว์เข้ามาหากินและอาศัย เช่น รางระบายน้ำ คูน้ำ พื้นที่สนามหญ้าสภาพพื้นดิน แนวรั้วเขตการบินเพื่อป้องกันสัตว์เล็ดลอด จุดเกาะพักของนก จุดพักขยะ เป็นต้น
- การควบคุมและขับไล่สัตว์อันตรายอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทำการแจ้งเตือนอันตรายจากสัตว์
- ประเมินและจัดระดับความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายจากนกหรือสัตว์ในสนามบิน จากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ประโยชน์ที่ดินในรัศมี 13 กิโลเมตรรอบสนามบิน เช่น บ่อเลี้ยงปลา เกษตรกรรม เป็นต้น
- ทบทวนและปรับปรุงมาตรการป้องกันอันตรายจากสัตว์ให้เหมาะสมกับระบบนิเวศและให้เป็นปัจจุบัน
- กำหนดกระบวนการดำเนินการและรายงานเมื่อเกิดกรณีอากาศยานชนสัตว์
- ทอท. ได้ดำเนินกิจกรรมการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าชายเลนอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ซึ่งกิจกรรมการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าชายเลนของ ทอท. สามารถตอบสนองต่อประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างรอบด้านต่อสิ่งมีชีวิต เช่น การเป็นพื้นที่อนุบาลสำหรับสัตว์น้ำขนาดเล็ก ที่อยู่อาศัยของสัตว์ปีก เป็นแหล่งอาหารสำหรับสัตว์ทั้งบกและน้ำ ช่วยบรรเทาและป้องกันความรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตเนื่องจากภัยบิตัจากธรรมชาติ รวมถึงสามารถช่วยกักเก็บคาร์บอนผ่านพืชพันธุ์ในเขตป่าชายเลน เป็นต้น เพื่อฟื้นฟูและคืนความหลากหลายทางชีวภาพ (Restoration & Regeneration) สู่ธรรมชาติและสังคม และผลประโยชน์ทางอ้อมที่เกิดขึ้นต่อสังคม เช่น เรื่องรายได้ของคนภายในชุมชนรอบๆ ป่าชายเลน
- ทอท. ได้เล็งเห็นถึงการดำเนินงานผ่านกิจกรรมที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน (Transformation) ที่มีประสิทธิภาพและช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพในภาพรวมได้ ดังนั้น ทอท. จึงสนับสนุนและริเริ่มการดำเนินการต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การสนับสนุนเชิงนโยบายผ่านสมาคมการค้า (Trade association) ที่มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกหรือการริเริ่มแนวทางและแผนสำหรับการเปลี่ยนมาให้บริการเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ (Sustainable Aviation Fuel: SAF) แก่สายการบิน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ช่องทางรับข้อร้องเรียน
ทอท. จัดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมครอบคลุมประเด็นด้านเสียงและผลกระทบด้านอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานการแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีภารกิจหลัก 2 ส่วน ดังนี้
งานมวลชนสัมพันธ์ลงพื้นที่เพื่อพบปะชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานและการแก้ไขปัญหาผลกระทบของ ทอท. ตลอดจนติดตามสถานการณ์ภายในชุมชนและพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยาน เพื่อรายงานประเด็นความคิดเห็นหรือข้อร้องเรียนของประชาชนแก่ ทอท. |
รับข้อร้องเรียนทางโทรศัพท์ (Call Center)รับเรื่องร้องทุกข์และตอบข้อซักถามด้านขั้นตอนการในการดำเนินงานชดเชยผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แผนงานขั้นตอนและผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาและให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในกรณีมีการสอบถามข้อมูลเชิงลึกของ ทอท. ศูนย์ประสานงานฯ จะเป็นผู้ประสานงานด้านข้อมูลเพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับผู้สอบถาม |
ผลการดำเนินงาน
การฝึกอบรม การประชุม และการสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อม (Awareness Environmental Trainings)
ในปีงบประมาณ 2567 ทอท. ได้ดำเนินการจัดการบรรยายและเข้าร่วมประชุมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้านและครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มของสากลด้วยการเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับใช้ภายในท่าอากาศยานของ ทอท.


ตัวอย่างระบบการจัดการน้ำดีและระบบบำบัดน้ำเสีย
การบริหารจัดการน้ำดีและน้ำเสียภายในท่าอากาศยานของ ทอท. ได้ดำเนินการตดตั้งทั้งเก็บน้ำดิบเพื่อการนำไปใช้และระบบบำบัดน้ำเสียก่อนมีการปล่อยออกสู่แหล่งน้ำที่เป็นไปตามกฎหมาย ดังภาพตัวอย่าง
- ระบบบำบัดน้ำเสียท่าอากาศยานภูเก็ต

ระบบเก็บน้ำดิบท่าอากาศยานภูเก็ต

เป้าหมายการติดตามผลการดำเนินงานระยะยาวด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในท่าอากาศยาน
ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม | เป้าหมายระยะยาว |
---|---|
การจัดการมลพิษทางเสียง | ระดับเสียงเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด |
การติดตามคุณภาพอากาศ | ระดับคุณภาพอากาศโดยรอบท่าอากาศยานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด |
การจัดการของเสียทั่วไปและของเสียอันตราย | ปริมาณขยะที่ลดได้ XXX ตัน |
การจัดการคุณภาพน้ำที่มีการปล่อยจากระบบบำบัด (The Management of Water Discharge Quality from Treatment System) |
ปริมาณน้ำเสียที่ลดได้ XXX ลบ.ม. |