
ความสําคัญ
การพัฒนาการดำเนินงานของ ทอท. ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมในการบริหารจัดการท่าอากาศยาน เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยตรงให้กับองค์กร ทั้งในด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร การยกระดับการให้บริการ สร้างประสบการณ์การใช้บริการท่าอากาศที่ดีให้แก่สายการบิน ผู้ประกอบการ และผู้โดยสาร ดึงดูดพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่มประทธิภาพในการดำเนินงานของหน่วยงาน ทอท. เช่น การประยุกต์ใช้ระบบตรวจเช็คหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Passport Control) เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบหนังสือเดินทางและลดความแออัดในท่าอากาศยาน การยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric Authentication) สร้างความเชื่อมั่นแก่พันธมิตรในการดำเนินงานด้านความปลอดภัย และการพัฒนา Digital Office เพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานของพนักงาน ทอท. เป็นต้น นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมยังมีส่วนช่วยในเสริมประสิทธิภาพการสื่อสารและการทำงานร่วมกันของหน่วยงานแต่ละภาคส่วน ด้วยการสนับสนุนข้อมูลมีความรวดเร็ว และแม่นยำที่มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยของข้อมูลผ่านการบรูณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
นโยบาย
ทอท. ต่อยอดกรอบการดำเนินงานด้านนวัตกรรมจากนโยบายที่มีการจัดทำเพื่อส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการนวัตกรรมในปี 2566 รวมถึงทบทวนนโยบายฯ สำหรับใช้เป็นกรอบการดำเนินงานด้านนวัตกรรมในปีงบประมาณ 2568 โดยพิจารณามุ่งเน้นตามหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ (SE-AM) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เพื่อความครอบคลุมในทุกมิติ โดยคณะกรรมการ ทอท. อนุมัตินโยบายการส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการนวัตกรรมของ ทอท. และประธานคณะกรรมการ ทอท. ได้ลงนามนโยบายฯ เพื่อเป็นการแสดงความมุ่งมั่นที่จะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพื่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
-
- ผลักดันให้บุคลากรมีทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมในองค์กร โดยมุ่งเน้นประเด็นสำคัญนวัตกรรม (Innovation Themes) ของ ทอท. ตามที่กำหนดในแผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566-2570 ฉบับทบทวน
- กำหนดให้ทุกส่วนงานมีความรับผิดชอบในการร่วมขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมของ ทอท.
- สนับสนุนการนำองค์ความรู้และการจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) วิทยาการ งานวิจัย และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาและยกระดับการให้บริการ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ทอท.
- ส่งเสริมการประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการดำเนินงาน และพัฒนาท่าอากาศยานของ ทอท. รวมทั้งนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และสังคม
- ให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม โดยส่งเสริมการเผยแพร่และประยุกต์ใช้องค์ความรู้พัฒนาระบบบริหารจัดการนวัตกรรม (Innovation Management: IM) ที่ส่งเสริมการดำเนินงาน การติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินงาน
- เสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมในองค์กร
- สนับสนุนโครงการนวัตกรรม โดยการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็นอย่างเพียงพอและเหมาะสม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
นโยบายการส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการนวัตกรรมของ ทอท.
แนวทางการจัดการ
ทอท. ได้ผนวกรวมนวัตกรรมอยู่ในค่านิยม (Core Value) ที่ ทอท. ยึดมั่นปฏิบัติและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความมุ่งมั่นใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานที่ชาญฉลาดที่สุด พร้อมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อมุ่งสู่การเป็นท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก สร้างโอกาสใหม่ให้เกิดรายได้อย่างสมดุล และส่งมอบคุณค่ากับเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน
โดย ทอท. ได้จัดทำแผนแม่บทด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมที่สอดคล้องกับแผนวิสาหกิจของ ทอท. โดยมีสายงานเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก
- แผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566 – 2570 ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567)
- แผนแม่บททรัพยากรบุคคล ทอท. (2566 – 2570) ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567)
- ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ ทอท. (2566 – 2570)
แผนวิสาหกิจของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566 – 2570 ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567)
ทอท. กำหนดยุทธศาสตร์ที่ 5: พัฒนากระบวนการและคุณภาพการให้บริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้โดยสารและผู้มีส่วนได้เสีย มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรม กลยุทธ์ที่ 5.2 ขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ และยุทธศาสตร์ที่ 7 พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการองค์กร กลยุทธ์ที่ 7.2 พัฒนากระบวนการการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมุ่งสู่การเป็น Digital Transformation ที่มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ ผ่านการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการบริหารจัดการบุคลากร กระบวนการทำงานและเครื่องมือสนับสนุน ให้มีความพร้อมสามารถรองรับการดำเนินงานของธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ในอนาคต (Enhance Organization Capability) โดยมีการกำหนดเป้าหมายในการดำเนินงานในด้านที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนี้
ตัวชี้วัด | ผลการดำเนินงาน | เป้าหมาย | |||
---|---|---|---|---|---|
2567 | 2568 | 2569 | 2570 | ||
กลยุทธ์ 5.2 ขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ | |||||
1. ร้อยละของจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการเทคโนโลยีติดตั้ง (ร้อยละ) | |||||
1.1 ระบบเช็คอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) | |||||
- ทสภ. | 27 | ≥25 | ≥25 | ≥25 | ≥25 |
- ทดม. | 20 | 18 | 20 | 22 | ≥25 |
- ทชม. | 12.23 | 18 | 20 | 22 | ≥25 |
1.2 ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop (CUBD) | |||||
- ทสภ. | 18.39 | 12 | 17 | 22 | ≥25 |
กลยุทธ์ 7.2 พัฒนากระบวนการการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมุ่งสู่การเป็น Digital Transformation | |||||
1. ระดับความสำเร็จในการดำเนินการตามแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล (AOT Digital Roadmap) (ร้อยละ) | นำมาเป็นแผนปฏิบัติการปี 68 | 100 | 100 | 100 | 100 |
2. ระดับความสำเร็จในการดำเนินการตามแผนแม่บทนวัตกรรม ของ ทอท.(ร้อยละ) | นำมาเป็นแผนปฏิบัติการปี 68 | 100 | 100 | 100 | 100 |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนวิสาหกิจของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566 – 2570 ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567)
แผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566-2570 ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567)
ทอท. เล็งเห็นโอกาสในการใช้นวัตกรรมเพื่อเป็นการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต โดยได้ดำเนินการวางแผนด้วยภาพอนาคต (Scenario Planning) ผ่านความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีความแตกต่างกัน เพื่อกำหนดประเด็นสำคัญด้านนวัตกรรม (Innovation Theme) เช่น ธุรกิจใหม่ที่เป็นไปได้ การพัฒนานวัตกรรมในบางกระบวนการเพื่อเพิ่มความพึงพอใจ เป็นต้น และนำภาพอนาคตมาพิจารณาถึงความพร้อมของ ทอท. ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการออกแบบระบบนวัตกรรมองค์กร (Corporate Innovation System) ที่เหมาะสม
การศึกษาฉากทัศน์ในอนาคต
ทอท. ใช้เครื่องมือการคาดการณ์อนาคต (Foresight) ภายใต้กรอบ STEEP (Social Technology Economic Environment Politic) ที่ประกอบไปด้วย 5 มิติ เพื่อจัดลำดับความสำคัญและการกำหนดประเด็นสำคัญ (Theme) ด้านนวัตกรรทมที่สอดคล้องกับแนวโน้มและความเสี่ยงหรือโอกาสในอนาคตต่อไป

การพัฒนานวัตกรรมตามกรอบการประเมินของรัฐวิสาหกิจ
การพัฒนาการกำกับดูแลและการบริหารจัดการนวัตกรรมขององค์กรจะต้องทำควบคู่ไปกับการวัดผลของการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ตามระบบประเมินผลรัฐวิสาหกิจ State Enterprise Assessment Model: SE-AM ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง โดยได้ให้ความสำคัญกับการมององค์รวมของระบบนวัตกรรมองค์กรไว้ 7 มิติ ได้แก่
-
- การนำองค์กรสู่การจัดการนวัตกรรมที่ยั่งยืน
- ยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรม
- นวัตกรรมเพื่อมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด
- ความรู้สู่การสร้างนวัตกรรม
- วัฒนธรรมเพื่อมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม
- กระบวนการนวัตกรรม
- ผลลัพธ์ด้านนวัตกรรม
ผลการวิเคราะห์ระดับความพร้อมในการจัดการนวัตกรรมของ ทอท. สามารถระบุประเด็นในการพัฒนา รวมไปถึงโอกาสและช่องว่างในการพัฒนาความพร้อมในการพัฒนาของ ทอท. ได้ โดยรายละเอียดนั้นสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากแผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566-2570 ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567) ในส่วนของการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีนั้น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการดำเนินงานอื่นๆ ขององค์กร เมื่อในปัจจุบันโลกของเรานั้นได้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทอท. จึงได้มีการวางแผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. ปีงบประมาณ 2566-2570 ฉบับทบทวน (ปีงบประมาณ 2567) ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับแผนแม่บทอื่นๆ ของ ทอท. เพื่อเป็นการแสดงความเชื่อมโยงของการวางแผนในการดำเนินงาน และเชื่อมั่นได้ว่าการดำเนินงานทุกด้านของ ทอท. นั้นมีการส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
การขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของ ทอท.
ทอท. กำหนดให้มีการส่งเสริมปัจจัยทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและด้านนวัตกรรมควบคู่กัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบคือ “ระบบนวัตกรรมองค์กร (Corporative Innovation System)” ที่เอื้อต่อวัฒนธรรมสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรม (Innovative Culture) ซึ่งหมายถึงการมีเวทีให้บุคลากรทั้งภายในและภายนอกได้แสดงแนวคิดที่แตกต่างและกล้าคิดกล้าทำสิ่งใหม่อย่างสร้างสรรค์และสอดคล้องกับเป้าหมายของ ทอท. ดังนี้ จึงมีการกำหนดนโยบาย แผนการดำเนินงาน และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องและส่งเสริมการคิดค้นด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ดังนี้

ด้วยกรอบการบริหารจัดการและการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมของ ทอท. ได้วางแนวทางการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่องค์กรนวัตกรรม (Innovative Organization) และองค์กรดิจิทัล (Digital Organization) ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนข้อมูลผ่านระบบฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในทุกหน่วยงานและระดับของการดำเนินธุรกิจ ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเข้ากับการดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานของ ทอท. ที่ช่วยเสริมคุณค่าผ่านการให้บริการที่มีความครอบคลุมในประเด็นต่างๆ เช่น ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (Airport Safety and Security) ประสบการณ์ของลูกค้าผ่านการใช้บริการท่าอากาศยาน (Customer-Experience) การยกระดับคุณภาพท่าอากาศยานของ ทอท. ต่อการเปลี่ยนแปลงตามแนวโน้มสากล เป็นต้น อีกทั้ง การดำเนินการทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือที่สามารถปลดล็อคศักยภาพ (Enablers) ขององค์กรและทำให้องค์กรสามารถค้นหาโอกาสและโมเดลทางธุรกิจกิจใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี ความท้าทายขององค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ความรู้ความเข้าใจและการปรับตัวของบุคลากรและแนวปฏิบัติดั้งเดิมขององค์กรถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ดังนั้น องค์กรจำเป็นต้องมีการปรับบุคลากรและกระบวนการต่างๆ ให้เท่าทันเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ หรือ การเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความเหมาะสมกับบริบทของ ทอท. (Equalization) ในระยะแรกก่อน เพื่อให้การดำเนินงานตามแผนมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ ทอท. ได้มีการติดตามความคืบหน้าของการบริหารจัดการเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมของส่วนงานภายใน ผ่านตัวชี้วัดระดับยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทนวัตกรรมฯ และแผนปฏิบัติการดิจิทัลฯ อีกทั้ง ทอท. มีการรายงานผลต่อผู้บริหารระดับสูงเพื่อทบทวนและกำหนดมาตรการส่งเสริมความสำเร็จตามเป้าหมายเพิ่มเติมเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

การขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าและโอกาสทางธุรกิจใหม่ของ ทอท.
ทอท. ได้จัดทำ คู่มือการบริหารจัดการนวัตกรรมของ ทอท. ที่ได้รวบรวมความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และการจัดการนวัตกรรม (Innovation Management) เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในแก่พนักงาน ทอท. ซึ่งเนื้อหาครอบคลุมเรื่องรูปแบบและระดับของนวัตกรรม กระบวนการรวบรวมความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมนวัตกรรม (Innovation Culture) และ วางนโยบายที่ช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านองค์กรมุ่งสู่องค์กรนวัตกรรมด้วยนโยบายการส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับการจัดการนวัตกรรมทั้งในการบริการ กระบวนการทำงาน รูปแบบธุรกิจ/ภารกิจใหม่ทุกระดับภายในองค์กร ดังนั้น ทอท. จึงมุ่งมั่นส่งเสริมให้บุคลากรใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการนวัตกรรมทั้งองค์กร ผ่านการกำหนดนโยบายการส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการนวัตกรรม ซึ่งมี 8 องค์ประกอบ ดังนี้

เพื่อการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่องค์กรนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ (ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาการดำเนินงานด้านกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน มุ่งเน้นนวัตกรรมธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจการบิน (Non-Aero: Business Model Innovation) ในกลยุทธ์ที่ 4.2 ที่กล่าวถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ด้วยสินทรัพย์ของ ทอท.) อาทิ พัฒนาแนวคิดรูปแบบโมเดลธุรกิจใหม่ โดยการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ด้วยสินทรัพย์ของ ทอท. ยังถือเป็นประเด็นการพัฒนานวัตกรรมที่ ทอท. ให้ความสำคัญ ซึ่ง ทอท. ได้กำหนดกรอบการดำเนินการทางด้านการพัฒนานวัตกรรมในระดับปฏิบัติการภายใต้การบริหารจัดการโครงการนวัตกรรม ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ การออกแบบแนวคิด (Idea) การทดลอง (Proof of Concept) การทดสอบต้นแบบ (Prototype Evaluation) การพัฒนา (Development) การนำไปใช้ (Implementation) และการประเมินและติดตามผล (Assessment)


การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology)
ทอท. ได้กำหนดกรอบการดำเนินงานขององค์กรเพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) ที่มีความสอดคล้องกับบริบทของ ทอท. ที่สามารถช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่มีประสิทธิภาพรวมถึงคุณภาพที่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียในภาพรวมได้อย่างรอบด้าน
นอกจากนี้ทิศทางการดำเนินงานยังรวมไปถึงการรองรับแนวโน้มในระดับประเทศและระดับสากล พร้อมกันกับการปรับใช้และการบูรณาการร่วมกับการดำเนินงานของ ทอท. มีการปรับเปลี่ยนองค์กรในองค์รวม เพื่อพัฒนาสมรรถภาพองค์กรให้มีความทันสมัย มีขีดความสามารถการแข่งขัน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จนี้ ดังนั้น ทอท. ต้องมีการพัฒนาหรือปรับเปลี่ยน 3 ปัจจัยหลัก ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านองค์กร ได้แก่

นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการยกระดับองค์กรตามกรอบการดำเนินงานของ ทอท. ตามแผนปฏิบัติการดิจิทัล ปีงบประมาณ 2567 – 2570 ได้ระบุประเด็นที่มีความสอดคล้องในการช่วย ทอท. เปลี่ยนผ่านองค์กร โดยมีความครอบคลุมในประเด็น 4 ประเด็น ดังนี้

ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่องค์กรดิจิทัล ทอท. ได้วางแนวทางโดยอ้างอิงจากทั้ง 4 กลยุทธ์ข้างต้น เพื่อกำหนดกรอบแผนการดำเนินงานดิจิทัล โดยเป้าหมาย Smartest Airport Operation ตาม AOT Digital Roadmap 2024 – 2027 ที่มีการนำกลยุทธ์ทั้ง 4 ด้าน มาเป็นรากฐานในการพัฒนาองค์กรตามประเด็นที่มีวางแผน

ในการบูรณาการร่วมระหว่างการดำเนินงานที่มีอยู่เดิมและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ของ ทอท. มีการดำเนินการผ่านความคาดหวังและความต้องการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ ทอท. เช่น การสนับสนุนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (Safety & Security) ด้านการกำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการ (Corporate Governance/Corporate Affairs) ด้านสิ่งแวดล้อม (Green Airport) ด้านการบริหารและการพัฒนาทุนมนุษย์ขององค์กร (Human Resource Development/Human Resource Management) เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ในกรอบตามกลยุทธ์และแผน ทั้งนี้ เพื่อให้เครื่องมือทางเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทอท. ได้แบ่งระดับแผนงานออกเป็น 4 ส่วนสำคัญ คือ Digital Application (M1) Digital Operation (M2) Digital Office (M3) และ Digital Cargo (M4) ซึ่งทั้ง 4 องค์ประกอบถือเป็นองค์ประกอบหลักในการยกระดับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับทุก ๆ ส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

Digital Application (M1)
ทอท. พัฒนาแอปพลิเคชัน “Sawasdee by AOT” เพื่อเป็นเครื่องมือเชื่อมต่อกับบริการของท่าอากาศยาน ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เช่น ข้อมูลเที่ยวบิน ประตูขึ้นเครื่องบิน แผนที่ท่าอากาศยาน จุดรับสัมภาระ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก และบริการต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังนำข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้โดยสารมาวิเคราะห์เพื่อมอบ ประสบการณ์การใช้งานที่ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคล (Information-driven user experiences) พร้อมทั้งช่วย ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่อีกด้วย

A Life Airport
AOT Digital Airport
ทอท.กําหนดทิศทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออํานวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานภายใต้แนวคิด “สนามบินมีชีวิต” โดยเปิดตัวแอปพลิเคชันท่าอากาศยาน ทอท. (AOT Airports Application) ซึ่งได้รับการปรับโฉมใหม่เป็นชื่อ SAWASDEE by AOT ในปี 2564 ที่มอบประสบการณ์การใช้ท่าอากาศยานที่น่าดึงดูดและสะดวกสบายแก่ลูกค้า พร้อมส่งเสริมธุรกิจของผู้ประกอบการภายในท่าอากาศยานให้ก้าวไปสู่ Digital Airport ภายในแอปพลิเคชันประกอบด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ดังนี้

Digital Operation (M2)
ทอท. บูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานท่าอากาศยาน (Operation) โดยพัฒนา Dashboard สำหรับแสดงข้อมูล สถิติปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร และสินค้าทางอากาศ ในรูปแบบ รายชั่วโมง รายวัน รายเดือน และรายปี รวมถึงการวิเคราะห์ปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร และยานพาหนะต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารทรัพยากร (Resource Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งใน เขตการบิน (Airside Operation) และ นอกเขตการบิน (Landside Operation)
Digital Office (M3)
ทอท. ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการปรับตัวเข้ากับยุคแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้นำเครื่องมือดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจใน 6 ท่าอากาศยาน ช่วยให้พนักงานของ ทอท. ปฏิบัติงานประจำวันได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งยัง สามารถกำหนดแนวทางการทำงานที่มุ่งสู่องค์กรดิจิทัล ผ่านการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาและเชื่อมต่อ (Integration) อย่างเป็นระบบ รวมถึงเสริมศักยภาพให้พนักงานสามารถทำงานได้ ทุกที่ (Anywhere) และทุกเวลา (Anytime) ประกอบไปด้วย เว็บไซต์ส่วนบุคคล เว็บไซต์ส่วนงาน ระบบจัดเก็บข้อมูลองค์กร สมุดโทรศัพท์ ระบบปฏิบัติการเฉพาะสำหรับผู้ปฏิบัติงานต่างๆ เป็นต้น

Digital Cargo (M4)
ทอท. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาการขนส่งสินค้าที่มีความรวดเร็วและลดความแออัดของการจราจรภายในพื้นที่เขตปลอดอากร จึงได้พัฒนา ระบบบริหารจัดการเขตปลอดอากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Cargo – M4) ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้าน Smart Services โครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
- ระยะที่ 1: Smart Access – เน้นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อผ่านระบบดิจิทัล โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้า (Pre-Smart) ผ่านเว็บไซต์ และรับบัตรผ่านพื้นที่ได้ด้วยตนเองผ่าน Self-Service Kiosk
- ระยะที่ 2: Smart Cargo – เป็นการบูรณาการข้อมูลสำหรับการจัดการตารางเวลาการรับ–ส่งสินค้า (Slot Management) ผ่านระบบย่อย ได้แก่
- FEMS (Freezone Entry Management System): ระบบบริหารจัดการการเข้า-ออกพื้นที่เขตปลอดอากร
- FDMS (Freezone Data Management system): ระบบติดตามและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสินค้าในเขตปลอดอากร ทสภ.
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวช่วยลดความแออัด (Congestion Reduction) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ และรองรับการขยายตัวของการขนส่งทางอากาศของประเทศไทยในอนาคต
นวัตกรรม (Innovation)
การขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลไกนวัตกรรมตามกรอบการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทด้านนวัตกรรม (Innovation Master Plan) ของ ทอท. 2566 – 2570 ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ด้านการขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรนวัตกรรม (Strategic Innovation Roadmap) และยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรม (Innovation Strategy) ซึ่งการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเปลี่ยนผ่านนั้นจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กรที่มีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านองค์กรควบคู่ไปด้วยกัน ดังนั้นการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์จึงได้ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นไปที่การวางรากฐานไปที่บุคคลากรของ ทอท. ด้วยการบ่มเพาะกระบวนการและกลไกนวัตกรรมซึ่งจะเป็นการพัฒนาทักษะของบุคคลากรที่เป็นทรัพยากรขององค์กร ที่ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ ทอท. สามารถปฏิบัติงานตามยุทธ์ศาสตร์ด้านนวัตกกรรมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ องค์กรนวัตกรรม (Innovation Organization) นวัตกรรมบริการ (Service Innovation) นวัตกรรมดิจิทัล (Digital Innovation) และการพัฒนานวัตกรรมด้วยข้อมูล (Data Driven Innovation) ได้สำเร็จตามเป้าหมาย รวมไปถึงการนำสิ่งที่ได้จากการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านองค์กรด้านนวัตกรรมมาช่วยผลักดันการดำเนินธุรกิจเพื่อการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนด้วยแนวคิดการสร้างนวัตกรรม สู่ Net Zero ทอท. ไร้คาร์บอน
การจัดการความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานที่มีการปรับใช้การบูรณาการร่วมของเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ทอท. ได้ตระหนักถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงในประเด็นต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินงานร่วม เพื่อลดความเสี่ยง เพื่อผลลัพธ์จากการดำเนินงานด้วยประสิทธิภาพที่ดีได้มาตรฐาน ดังนั้น ทอท. ได้มีการประเมินความเสี่ยงจากการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม โดยมีประเด็นความเสี่ยง เช่น ความปลอดภัยของมูลในรูปแบบดิจิทัล การดำเนินงานที่สอดคล้องกับด้านกฎระเบียบและมาตรฐาน ประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ความรู้ความสามารถของบุคลากรที่ไม่ตอบรับกับการเปลี่ยนผ่าน ความเสี่ยงที่เกิดจากผู้รับบริการ/ผู้ใช้งานมีความต้องการและความคาดหวังที่เปลี่ยนไป ความเสี่ยงจากการที่นวัตกรรมอาจนำการดำเนินการไปสู่ความคลุมเครือของการตีความกฎระเบียบและมาตรฐานที่ต้องปฏิบัติ (Compliance) หรืออาจจะนำไปสู่กิจกรรมที่มาตรฐานและกฎระเบียบยังไม่พัฒนาไปถึงและอาจส่งผลกระทบต่อองค์กรได้ เป็นต้น ดังนั้น ทอท. จึงมีการจัดการความเสี่ยงในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ตามขั้นตอนจัดการความเสี่ยง ได้แก่ การระบุความเสี่ยง (Risk Identification) การวิเคราะห์ความเสี่ยงและการจัดลำดับความเสี่ยง (Risk Analysis/ Prioritization) การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) และการจัดการความเสี่ยงด้วยการหาแนวทางในการลดความรุนแรงหรือแนวทางในการป้องกันความเสี่ยง (Risk Mitigation & Risk Prevention)
การดำเนินงาน
การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology)
แอปพลิเคชัน Sawasdee by AOT
ในปี 2567 ที่ผ่านมานั้น ผู้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Sawasdee by AOT มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนอกจากจะแสดงถึงความสำเร็จของการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและผู้ใช้งานแล้ว การเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงบริการของ ทอท. ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ยังส่งผลโดยตรงต่อรายได้และการดำเนินธุรกิจของ ทอท. โดยในปี 2567 รายได้จากช่องทางออนไลน์นั้นเท่ากับ 4,022,737.55 บาท (แอปพลิเคชัน Sawasdee by AOT และเว็บไซต์ของ ทอท. ) ซึ่งเกินจากเป้าหมาย 2,400,000 บาท ของ ทอท. ยิ่งเป็นการยืนยันว่าการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของ ทอท. นั้นตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานและผู้มีส่วนได้เสียอย่างมาก
เทคโนโลยีดิจิทัล : แพลตฟอร์มบูรณาการของคลังสินค้าดิจิทัล
ตามแผนโครงการคลังสินค้าดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานการขนส่ง เป็นแพลตฟอร์มกลางของ ทอท. ที่เชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานระหว่างระบบต่างๆ ของ ทอท. และผู้มีส่วนได้เสีย โดย ทอท. ได้พัฒนาโมดูล (Module) ที่ช่วยลดความซ้ำซ้อนของการทำงานในระบบการขนส่งสินค้าทางอากาศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และยังช่วยแก้ปัญหาความแออัด ลดระยะเวลาการดำเนินการ และเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการสินค้าและรถรับส่งสินค้า รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการรองรับสินค้าในพื้นที่เขตปลอดอากร ซึ่ง ทอท. ได้ติดตามประสิทธิผลของการดำเนินงาน ออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 Smart Access และระยะที่ 2 Smart Cargo
ระยะที่ 1 Smart Access แล้วเสร็จในการทอท. ได้ติดตั้งตู้ KIOSK สำหรับทำบัตรบุคคลเข้าพื้นที่ ช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกบัตรเข้าพื้นที่สำหรับผู้ใช้บริการรายวัน โดยผู้ใช้บริการสามารถทำบัตรผ่านตู้ KIOS ได้ทันที โดยใช้เพียงบัตรประชาขน และสำเนาเอกสาร สำหรับในการเข้ามานำมารับส่งสินค้า ก็สามารถทำบัตรได้ผ่านตู้ KIOSK ทันที
ระยะที่ 2 ระบบ Smart Cargo ทอท. เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้ารับสินค้าในพื้นที่เขตปลอดอากรจากระบบอนาล๊อค (Analog) เป็นระบบดิจิทัล (Digital) ผู้ใช้บริการสามารถทำการ booking ผ่าน application AOT EZ Cargo ล่วงหน้าเพื่อให้ผู้ประกอบการคลังสินค้า TG/BFS ได้จัดเตรียมสินค้าให้เรียบร้อยก่อนที่รถบรรทุกจะเข้ามารับและส่งสินค้า โดยระบบดังกล่าวจะช่วยลดความแออัดบริเวณพื้นที่หน้าคลังสินค้า ผ่านการจัดคิวรถบรรทุก Truck Queuing และช่วยลดระยะเวลาในการเข้ารับ-ส่งสินค้า รวมทั้งลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ในภาพรวมของผู้ใช้บริการ ซึ่งหลังจากเปิด้ใช้ระบบดังกล่าว พบว่า ระยะเวลาในการเข้ารับส่งสินค้าของผู้ใช้บริการลดลงถึงร้อยละ 47.95

นวัตกรรม (Innovation)
การพัฒนาระบบติดตามกระเป๋าสัมภาระ Baggage Tracking System

Baggage Tracking System เป็นผลงานนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิดการเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในกระบวนการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสาร โดยระบบนี้ถูกนำมาพัฒนาและเริ่มใช้งานจริงเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความผิดพลาดในกระบวนการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระ และพัฒนากระบวนการทำงานให้เป็นระบบดิจิทัลที่แม่นยำ
ระบบนี้ช่วยปรับปรุงกระบวนการคัดกรองกระเป๋าสัมภาระที่ไม่ผ่านเครื่อง X-ray โดยให้เจ้าหน้าที่สามารถนำกระเป๋าสัมภาระที่ต้องตรวจสอบไปยังห้อง Baggage Inspection Room (BIR) พร้อมทำการบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการทำงาน และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วแก่สายการบินและผู้โดยสาร โดยมี 3 ขั้นตอนการทำงานหลัก ดังนี้
การบันทึกผลการตรวจสอบ | การส่งต่อข้อมูล | ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ |
---|---|---|
|
|
ระบบสามารถแจ้งเตือนสถานะปัจจุบันของกระเป๋าสัมภาระ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินผลได้อย่างรวดเร็ว |
ระบบ Baggage Tracking System นอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการภายในท่าอากาศยานให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังส่งผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้โดยสาร ระบบนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญของ ทอท. ในการสนับสนุนการดำเนินงานที่ยั่งยืนควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจ
ประโยชน์ต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อม | ประโยชน์ต่อธุรกิจ |
---|---|
|
|
NOTIFLOW
NOTIFLOW เป็นผลงานนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก โครงการชุมชนนักพัฒนานวัตกรรม (Development Crew) มีแนวคิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยได้รับการอนุมัติให้ใช้งานจริงเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ และ ยกเลิกการใช้กระดาษ ได้อย่างสมบูรณ์
โดย NOTIFLOW เป็นแนวคิดที่มีการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยโปรแกรมที่ ทอท. มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน (Power App / Power Automate / Power BI) มาใช้งาน สามารถบันทึก จัดเก็บ ประมวลผลและแสดงผลข้อมูลแบบ Data Analysis รวมถึงการแจ้งเตือนผ่าน Line Application แบบ Real Time เพื่อทดแทนการบันทึกรายงานรูปแบบกระดาษที่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้กระดาษจำนวนมาก
ประโยชน์ต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อม | ประโยชน์เชิงปริมาณต่อธุรกิจ |
---|---|
|
|
หมายเหตุ: เป็นการรวบรวมผลการดำเนินงานของฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งเป็นหน่วยงานนำร่อง และในอนาคตโครงการดังกล่าวจะถูกนำไปต่อยอดเป็นโครงการที่นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงานในเขต Air Side ต่อไป

Automated Biometric Identification System: Biometric
ในปี 2567 ทอท. ได้ดำเนินการพัฒนาและต่อยอดผลงานนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการลดโลกร้อน ผ่านการยกเลิกการใช้กระดาษ และเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ โดยหนึ่งในโครงการสำคัญคือ ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอัตโนมัติ (Automated Biometric Identification System: Biometric)
ทอท. ได้นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร และลดระยะเวลาการรอคิวตามจุดบริการ ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ยังเป็นการช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. โดยในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เปิดใช้บริการสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ และวันที่ 1 ธันวาคม 2567 สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยจากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้การประเมินความพึงพอใจ ASQ ของลูกค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้น จากการลดขั้นตอนและระยะเวลาการให้บริการของ ทอท. และการลดระยะเวลารอคอยของผู้โดยสาร (Waiting Time) โดยลดลงคิดเป็นร้อยละ 10 หรือประมาณ 37 นาที ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค. – มี.ค.68) มีผลคะแนน ASQ 4.23/5 คะแนน เพิ่มขึ้น 0.15 คะแนน จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (ก่อนการให้บริการ Biometric) นอกจากนี้ ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลยังมีส่วนช่วยลดปริมาณกระดาษระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียนขึ้นเครื่อง (Check-In) ของผู้โดยสารและสายการบิน โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถลดได้กว่า 70 ล้านแผ่นในปี 2568 จาก 6 ท่าอากาศยาน (ประมาณจากจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยระหว่างปี 2563 และ 2567 โดยกำหนดให้ผู้โดยสารหนึ่งคนใช้กระดาษ 1 แผ่น)




นอกจากนี้ การที่ ทอท.นำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยมาพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่อผู้โดยสาร ส่งผลให้คุณภาพการให้บริการของ ทอท.สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุด เว็บไซต์ Skytrax ซึ่งเป็นเว็บไซต์จัดอันดับการให้บริการของสนามบินได้ประกาศสนามบินที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Airport) ประจำปี 2025 ได้จัดอันดับให้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ติดอันดับที่ 39 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 58 โดยขึ้นมา 19 อันดับจากปีก่อน และยังได้รับการจัดอันดับสนามบินที่พัฒนาได้ดีที่สุดของโลก (The World’s most Improved Airport) ในอันดับที่ 3 ประจำปี 2025 พร้อมกันนี้ ยังติดสนามบินที่ดีที่สุดในหมวดหมู่สนามบินที่สามารถรองรับผู้โดยสาร 50-60 ล้านคนต่อปี (Best Airports: 50 to 60 million passengers) ในอันดับที่ 6 ประจำปี 2025 อีกด้วย สำหรับ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ติดอันดับ 8 ขยับขึ้นจากอันดับที่ 10 เมื่อปีก่อน ของสนามบินสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Low-Cost Airline Terminals) ซึ่งผลการจัดอันดับดังกล่าวมาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางด้วยเครื่องบินทั่วโลกภายใต้การสำรวจที่ชื่อว่า World’s Airport Survey จัดทำโดยบริษัท Skytrax ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านการบินชั้นนำของประเทศอังกฤษที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์คุณภาพการให้บริการของสายการบินและสนามบินทั่วโลก ทั้งนี้ Skytrax ได้ประกาศผลการจัดอันดับต่างๆ ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ในงาน Passenger Terminal Expo 2025 ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน
ซึ่งการที่ ทสภ.และ ทดม.สามารถขยับอันดับขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เป็นผลมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี และคุณภาพการให้บริการ เพื่อยกระดับมาตรฐานท่าอากาศยานไทยให้เทียบเท่าสนามบินชั้นนำระดับโลกอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้โดยสาร และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ
ที่มา : www.airportthai.co.th/


AOT Face Scan on Mobile
ทอท.ได้นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการองค์กร ภายใต้ M3 Digital Office โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรองค์กร (ERP-SAP) มาใช้สำหรับบริการทรัพยากรขององค์กร โดยมีการวางแผนให้มีการจัดการทรัพยากรภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก ทอท.
โดยในปีงบประมาณ 2567 ทอท.ได้พัฒนาระบบการจัดการเวลาของพนักงานที่ทันสมัยด้วยระบบ AOT FaceVerify โดยพนักงานสามารถสแกนนใบหน้าเพื่อบันทึกเวลาเข้า-ออกงานได้ด้วยตนเองผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล โดยระบบถูกขับเคลื่อนด้วย AI ในการพิจารณาใบหน้าบุคคล และใช้อุปกรณ์ Bluetooth Low Energy (Beacon) เพื่อทำการระบุตำแหน่งของผู้ใช้งาน ระบบดังกล่าวได้มีการใช้งานจริงแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.67 ณ สำนักงานใหญ่ ทอท. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ในปัจจุบันโครงการกำลังอยู่ในระหว่างการขยายการใช้งานไปยังท่าอากาศยานภูมิภาคที่เหลือทั้งหมด
ประโยชน์ต่อสังคมและ/หรือสิ่งแวดล้อม | ประโยชน์เชิงปริมาณต่อธุรกิจ |
---|---|
|
|
การส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร เพื่อมุ่งสู่ยุคดิจิทัล
โครงการชุมชนนักพัฒนานวัตกรรม (Development Crew)
โครงการ Development Crew เน้นการพัฒนาแนวคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็น ต้นแบบผลงานนวัตกรรม โดยผ่านการสนับสนุนด้านงบประมาณและเทคโนโลยีสารสนเทศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งคัดเลือกแนวคิดที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์องค์กรและสร้างคุณค่าให้กับ ทอท. โดยในปี 2567 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการพัฒนาผลงานนวัตกรรมตามกระบวนการพัฒนานวัตกรรมจากขั้นตอนการพัฒนา (Development) เพื่อนำไปสู่การใช้งานจริง (Implementation) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
- โครงการ Pick and Pack (AOT iCheck) : แอปพลิเคชันสำหรับให้ผู้โดยสารใช้ตรวจสอบว่า สัมภาระสามารถนำติดตัวขึ้นอากาศยานได้หรือไม่ และเป็นฐานข้อมูลสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจค้น และเจ้าหน้าที่ ประชาสัมพันธ์ สำหรับช่วยเหลือผู้โดยสารเกี่ยวกับกระบวนการตรวจค้นสัมภาระ
- โครงการ NOTIFLOW : ระบบรองรับการรายงานการปฏิบัติงานในพื้นที่เขตการบิน รวมถึงการสร้างรายงานและการแสดงผลการดำเนินงาน เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานให้เป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
- โครงการ AOTDP (AOT Digital Platform : ระบบรองรับกระบวนการขออนุญาตการขึ้นทะเบียนการขอใช้ประโยชน์ของที่ดินราชพัสดุ
โครงการ Think Out Loud

เปิดโอกาสให้บุคลากร ทอท. และผู้มีส่วนได้เสียภายนอกร่วมกันวิเคราะห์และระดมความคิดเพื่อออกแบบแนวคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม ผ่านแนวทาง Open Innovation โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาจากกระบวนการทำงานและการให้บริการในปัจจุบัน เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของสังคม
โครงการประกวดความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innolution)

เป็นการจัดประกวดแนวคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม โดยเปิดโอกาสให้บุคลากรภายในและผู้มีส่วนได้เสียภายนอกนำเสนอแนวคิดที่สามารถต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรม พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนา ปรับปรุง และยกระดับการบริหารและการให้บริการของ ทอท.
โครงการวันกิจกรรมนวัตกรรม (AOT Innovation Day)

เป็นกิจกรรมแสดงผลการดำเนินงานและผลงานนวัตกรรมจากบุคลากรทั้งภายในและภายนอก ทอท.ประจำปีของ ทอท. รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องนวัตกรรม และการเสริมสร้างวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมในระดับองค์กร ผ่านการสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรม การยกย่องชมเชย และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านนวัตกรรมจากนวัตกรหรือวิทยากรภายนอก
โครงการ Think Out Loud ภายใต้โครงการ AOT Open Innovation: Hackathon
ทอท. ร่วมกับสถาบันการศึกษา (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันการบินพลเรือน)
เพื่อออกแบบแนวคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม ซึ่งฝ่ายกลยุทธ์นวัตกรรมจะนำผลงานแนวคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมไปกลั่นกรองและคัดเลือกเพื่อพัฒนาต่อยอดตามกระบวนการนวัตกรรมของ ทอท. ต่อไป โดยได้ผลงาน 5 แนวคิด ได้แก่
- Chu Chu Space: การติดตั้งตู้ Co-working Space เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานและกระจายความหนาแน่นภายในอาคารผู้โดยสาร โดยผู้โดยสารสามารถจองใช้งานและชำระค่าใช้จ่ายผ่านระบบได้
- Fast & Feel Goods: ระบบการสั่งซื้อ จองอาหารและเครื่องดื่มผ่านการ Scan QR Code ในบัตรโดยสาร
- Seamless Airport By AOT: การพัฒนาระบบจองที่จอดรถ Digital Parking Queue, Fast Lane, Duty-Free E-commerce
- SMS connecting more people: การใช้ข้อความ SMS แนะนำและแสดงข้อความส่งเสริมการตลาดให้ผู้โดยสารทราบ เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยาน
- Flight with the Flow : การจัดสรรและใช้งานพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณ Service Hall เพื่อนำมาจำหน่ายสินค้าและบริการ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ใหม่ ภายใต้ Concept “ตลาดน้ำจำลอง” โดยแนวคิด Flight with the Flow เป็นแนวคิดที่ส่งเสริมการคิดค้นหรือพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจเพื่อสังคม โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) หรือชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานดอนเมืองสามารถสร้างรายได้ด้วยการเข้ามาจำหน่ายสินค้าและบริการภายในท่าอากาศยาน และเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณอาคาร Service Hall ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมสำหรับชุมชนโดยรอบท่าอากาศยาน รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยว

บทเรียนที่ได้รับ
จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาภายใต้แผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. พบว่า ความท้าทายหลักอยู่ที่การประสานงานข้ามหน่วยงาน และการใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งในบางครั้งยังขาดความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนที่เพียงพอ อีกทั้ง การสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับแนวคิดนวัตกรรมด้านความยั่งยืนยังต้องการการสื่อสารที่ชัดเจนและต่อเนื่อง
การนำบทเรียนไปปรับใช้ในนโยบาย และกระบวนการดำเนินงาน
ในปีงบประมาณ 2568 ทอท. มีแผนการดำเนินงานด้านนวัตกรรมตามแผนแม่บทนวัตกรรมของ ทอท. ประจำปีงบประมาณ 2566 – 2570 ฉบับทบทวน (ประจำปีงบประมาณ 2567) คือ “โครงการออกแบบแนวคิด นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม (Think Out Loud : Sustainable)” โดยมีการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ ดังนี้
- จัดให้มีการฝึกอบรมเพิ่มเติมสำหรับเจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมทักษะการใช้เครื่องมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน
- พัฒนากลไกการทำงานแบบบูรณาการข้ามหน่วยงานผ่านการสร้างแพลตฟอร์มการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือ
- กำหนดขั้นตอนมาตรฐานการทำงานสำหรับโครงการด้านนวัตกรรม เพื่อความยั่งยืนให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
การปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยให้การดำเนินโครงการด้านนวัตกรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือข้ามหน่วยงาน และสามารถบรรลุเป้าหมายภายใต้แผนวิสาหกิจ SO4 Lead Changes Toward Sustainability ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาท่าอากาศยานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม